สถาปัตยกรรมเป็นศาสตร์ และศิลปะที่เน้นการออกแบบ และสร้างสรรค์องค์ประกอบสถานที่ให้เหมาะสมกับยุคสมัย และวัฒนธรรมของแต่ละระยะเวลา
ในบทความนี้เราจะสำรวจ 5 รูปแบบสถาปัตยกรรมยอดนิยมในยุคสมัยต่างๆ ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคสมัยของเรา
1. สถาปัตยกรรมอียิปต์โบราณ (Ancient Egyptian Architecture):
มีลักษณะเด่นคือ ปิรามิด และเสาโอเบลิสก์ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ พีระมิดเป็นสุสานของฟาโรห์ และเจ้าหญิง ซึ่งสร้างขึ้นจากหินแกรนิตขนาดใหญ่ เสาโอเบลิสก์เป็นเสาสูงเรียว ปลายแหลม สร้างขึ้นจากหินแกรนิตหรือหินทราย มักตั้งอยู่หน้าวิหาร
นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมอียิปต์โบราณยังมีวิหาร และวัด ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา วิหารมักมีขนาดใหญ่โต และวิจิตรบรรจง ตั้งอยู่กลางเมือง วัดมักมีขนาดเล็กกว่าวิหาร และตั้งอยู่นอกเมือง
สถาปัตยกรรมอียิปต์โบราณเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต และความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ
2. สถาปัตยกรรมกรีกโบราณ (Ancient Greek Architecture):
ในยุคกรีกโบราณ สถาปัตยกรรมมีลักษณะเรียบง่าย และสวยงาม สถาปัตยกรรมกรีกโบราณมีเสาที่บ่งบอกความงดงาม และความมีระเบียบเรียบร้อยของวัฒนธรรมกรีก เสาของสถาปัตยกรรมกรีกโบราณแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่
-
เสาดอริค (Doric order) เป็นเสาที่เรียบง่ายที่สุด มีลักษณะเรียวลงจากฐานถึงยอด การตกแต่งที่เสามีเพียงเส้นก้นหอย (flute) บนลำเสา
-
เสาไอออนิก (Ionic order) เป็นเสาที่ตกแต่งอย่างหรูหรากว่าเสาดอริค มีลักษณะโค้งงอเล็กน้อยที่ฐานเสา และการตกแต่งที่เสามีเส้นก้นหอยที่ฐานเสา และลวดลายดอกไม้ที่ส่วนบนของเสา
-
เสาโครินเทียน (Corinthian order) เป็นเสาที่ตกแต่งอย่างหรูหราที่สุด มีลักษณะคล้ายใบไม้ที่ฐานเสา และการตกแต่งที่เสามีลวดลายดอกไม้ และใบไม้ที่ส่วนบนของเสา
สถาปัตยกรรมกรีกโบราณมักใช้เสาเป็นองค์ประกอบหลักของอาคาร อาคารต่างๆ เช่น วิหาร โรงละคร และสนามกีฬา มักใช้เสาเรียงกันเป็นแถวเพื่อรองรับโครงสร้างของอาคาร เสาของสถาปัตยกรรมกรีกโบราณจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสวยงาม และความแข็งแรงของอาคาร
ตัวอย่างที่น่าทึ่งของสถาปัตยกรรมกรีกโบราณ ได้แก่
-
วิหารพาร์เธนอน (Parthenon) ในเอเธนส์ ประเทศกรีซ เป็นวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อเทพีอะธีนา เทพีแห่งปัญญาและศิลปะ วิหารพาร์เธนอนเป็นตัวอย่างของสถาปัตยกรรมกรีกโบราณในแบบเสาดอริค
-
อะโครโพลิสแห่งเอเธนส์ (Acropolis of Athens) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเอเธนส์โบราณ อะโครโพลิสแห่งเอเธนส์ประกอบด้วยวิหาร และอาคารสำคัญๆ หลายแห่ง เช่น วิหารพาร์เธนอน วิหารเอเธนาไนกี และวิหารเอเธนาเนีย
สถาปัตยกรรมกรีกโบราณสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม และระเบียบของสังคมกรีก เสาของสถาปัตยกรรมกรีกโบราณแสดงถึงความงาม และความสง่างามของวัฒนธรรมกรีก อาคารต่างๆ ของสถาปัตยกรรมกรีกโบราณแสดงให้เห็นถึงความมีระเบียบเรียบร้อยของสังคมกรีกโบราณ
3. สถาปัตยกรรมโรมัน (Roman Architecture):
เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมกรีก และตะวันออกเข้าด้วยกัน โดดเด่นด้วยการใช้งานอาร์ก (Arch) อย่างแพร่หลาย เช่น โคลอสเซียม (Colosseum) และสะพานปอนเต ดูการ์ (Pont du Gard) สถาปัตยกรรมโรมันยังเน้นการใช้อิฐและคอนกรีต ซึ่งช่วยให้สร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ และแข็งแรงได้
สถาปัตยกรรมโรมันได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมกรีกในด้านรูปแบบ และโครงสร้าง เช่น การใช้เสาและซุ้มประตู อย่างไรก็ดี สถาปัตยกรรมโรมันก็มีพัฒนาการที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการใช้อาร์ก ซึ่งสถาปัตยกรรมโรมันได้นำอาร์กมาใช้อย่างแพร่หลายในอาคารและโครงสร้างต่างๆ ช่วยให้สร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ และแข็งแรงได้ เช่น โคลอสเซียม สนามกีฬาสำหรับการแข่งขันกีฬาและการแสดงต่างๆ สะพานปอนเต ดูการ์ สะพานส่งน้ำขนาดใหญ่ในฝรั่งเศส และอุโมงค์ควินติลีโอ อุโมงค์น้ำในกรุงโรม
สถาปัตยกรรมโรมันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทางเทคโนโลยี และสังคมของชาวโรมัน สถาปัตยกรรมโรมันยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับสถาปนิกรุ่นหลังจนถึงปัจจุบัน
4. สถาปัตยกรรมกอธิก (Gothic Architecture):
เป็นหนึ่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดของยุโรป โดดเด่นด้วยการใช้โค้งแหลม (Pointed arch) และหน้าต่างกุหลาบ (Rose window) ซึ่งช่วยให้อาคารดูสูง และโปร่งสบาย สถาปัตยกรรมกอธิกยังเน้นการใช้แกะสลักหิน และกระจกสีเพื่อสร้างลวดลาย และภาพที่สวยงาม
สถาปัตยกรรมกอธิกถือกำเนิดขึ้นในฝรั่งเศสตอนกลางในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 และพัฒนาจนเฟื่องฟูในคริสต์ศตวรรษที่ 13 และ 14 สถาปัตยกรรมกอธิกมักถูกนำมาใช้ในการสร้างศาสนสถาน เช่น มหาวิหาร โบสถ์ และอาราม เนื่องจากลักษณะที่ยิ่งใหญ่ และตระการตาของสถาปัตยกรรมกอธิกจึงมักถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธา และความรุ่งเรืองของศาสนาคริสต์
โค้งแหลมเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของสถาปัตยกรรมกอธิก โค้งแหลมช่วยให้อาคารดูสูง และโปร่งสบายยิ่งขึ้น โค้งแหลมยังช่วยกระจายน้ำหนักของโครงสร้างไปยังเสา และผนังด้านข้าง ทำให้สามารถสร้างอาคารที่สูง และใหญ่ขึ้นได้
หน้าต่างกุหลาบเป็นหน้าต่างทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีลวดลายแกะสลักที่สวยงาม หน้าต่างกุหลาบมักถูกประดับด้วยกระจกสีที่สวยงาม ช่วยสร้างบรรยากาศที่ศักดิ์สิทธิ์ และโรแมนติกให้กับอาคาร
สถาปัตยกรรมกอธิกยังเน้นการใช้แกะสลักหิน และกระจกสีเพื่อสร้างลวดลายและภาพที่สวยงาม แกะสลักหินมักถูกนำมาใช้ในการตกแต่งอาคารต่างๆ เช่น หน้าบัน เสา และผนัง กระจกสีมักถูกนำมาใช้ประดับหน้าต่าง ช่วยสร้างแสงสว่าง และสีสันให้กับอาคาร
5. สถาปัตยกรรมโมเดิร์น (Modern Architecture): เป็นหนึ่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคปัจจุบัน สถาปัตยกรรมโมเดิร์นให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย การใช้งานเทคโนโลยี และวัสดุสมัยใหม่
สถาปัตยกรรมโมเดิร์นถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 20 ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สถาปนิกสมัยใหม่ต้องการสร้างสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย และใช้งานได้จริงมากขึ้น
สถาปัตยกรรมโมเดิร์นจึงมักใช้รูปทรงเรขาคณิตที่เรียบง่าย เช่น สี่เหลี่ยมผืนผ้า วงกลม และสามเหลี่ยม
สถาปัตยกรรมโมเดิร์นยังเน้นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น เหล็ก คอนกรีต และกระจก ช่วยให้สร้างอาคารที่แข็งแรงและทนทานยิ่งขึ้น
ตึกประกอบสลักหิน (Stone Veneer Building) เป็นสถาปัตยกรรมโมเดิร์นประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยม ตึกประกอบสลักหินใช้หินธรรมชาติมาตกแต่งผิวหน้าอาคาร ช่วยให้อาคารดูมีความสง่างามและคลาสสิก
การใช้วัสดุสมัยใหม่ เช่น แก้ว และเหล็ก เป็นลักษณะเด่นของสถาปัตยกรรมโมเดิร์น วัสดุเหล่านี้ช่วยให้สร้างอาคารที่โปร่งสบาย และทันสมัยยิ่งขึ้น
สถาปัตยกรรมโมเดิร์นยังคงได้รับความนิยมในปัจจุบัน สถาปัตยกรรมโมเดิร์นสามารถพบเห็นได้ในอาคารต่างๆ เช่น อาคารสำนักงาน อาคารที่พักอาศัย พิพิธภัณฑ์ และศูนย์การค้า